ช่วงปลายเดือนมีนาคม ย่างเข้าเดือนเมษายน เชื่อว่าผู้ชมการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลทั่วทั้งโลก
คงจะได้สังเกตเห็นรองเท้าฟุตบอลสีส้มที่โดดเด่นสะดุดตาของนักฟุตบอลอาชีพ จนแทบจะหา
แว่นตาดำมาใส่ชมฟุตบอลกันเลย แน่นอนว่า..นี่คือไฮไลท์สำหรับในช่วงก่อนเข้าหน้าร้อน ที่คนไทย
กำลังจะได้สาดน้ำสงกรานต์กัน
รองเท้าฟุตบอลรุ่นใหม่ล่าสุดจากไนกี้ Mercurial Vapor VIII คู่นี้
ที่ทางผู้ผลิตมั่นอกมั่นใจ ว่าจะกลับมาพลิกกระแสของรองเท้าฟุตบอลสายความเร็วซี่รี่ย์ยอดฮิต ให้กลับ
มาได้รับความนิยมอีกครั้ง วันนี้..SiamBoots จะพาทุกท่านไปร่วมสัมผัสกับรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้ ดูซิว่า
มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง
รองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์ Mercurial Vapor ถือเป็นรองเท้าฟุตบอลที่ทำให้ไนกี้ประสบความสำเร็จมาอย่าง
ช้านาน มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับความนิยม มากที่สุดในบรรดาซีรี่ย์รองเท้าฟุตบอลทั้ง 4 ซีรี่ย์ของไนกี้
แต่ช่วงเจเนอเรชั่นหลังๆ มานี้ ดูเหมือนว่ากระแสความฮอตฮิตจะลดน้อยลงไป หากเทียบกับเจเนอเรชั่น
แรกๆ ดังนั้น เจเนอเรชั่นล่าสุดนี้ Mercurial Vapor VIII จำเป็นต้องกลับมาเรียกกระแสความร้อนแรง
ให้ได้อีกครั้ง ด้วยลูกเล่น จุดเด่น และการออกแบบดีไซน์ ที่แตกต่างไปจากเดิม มีอะไรน่าสนใจมากขึ้น
กว่าเดิม
ในเจเนอเรชั่นนี้ ไนกี้ได้ประกาศยกเลิกสายการผลิตรองเท้าฟุตบอลระดับโครตท็อป Mercurial Vapor
SuperFly IV ไปเรียบร้อยแล้ว (ชั่วคราว) ดังนั้น Mercurial Vapor VIII จะเป็นรองเท้าฟุตบอลระดับ
SuperFly IV ไปเรียบร้อยแล้ว (ชั่วคราว) ดังนั้น Mercurial Vapor VIII จะเป็นรองเท้าฟุตบอลระดับ
ท็อปอีกครั้ง และถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในยุโรป เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2012 ที่ผ่านมา แทบจะไม่
ต้องนั่งลุ้นชื่อของพรีเซนเตอร์หมายเลข 1 ให้ปวดหัวเวียนศีรษะกันเลย เพราะ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้"
นั้นมีชื่อนอนมาเป็นตัวเลือกอันดับแรกอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ ไนกี้ยังกล้าคิดกล้าทำ ด้วยการดึงเอานักกีฬา
ระดับโลก แต่คนละประเภทกีฬามาร่วมวงด้วย นั่นคือ "ราฟาเอล นาดาล" ราชาแห่งคอร์ทดิน มาร่วม
แสดงในหนังโฆษณาอีกด้วย
แค่นี้มันยังน้อยไป !! นอกจากซุปเปอร์สตาร์เจ้าของสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก
แล้ว ไนกี้ยังมีบรรดานักฟุตบอลระดับแม่เหล็กในสัญญาอีกมากมาย ที่จะวาดลวดลายในสนามฟุตบอล
ด้วย
Mercurial Vapor VIII คู่นี้ ไม่ว่าจะเป็น ดีดิเยร์ ดร็อกบา ,ธีโอ วัลคอตต์ ,ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ,ฟรองค์ ริเบรี่ ,เมซุต โอซิล ,ฆวน มาต้า เป็นต้น ซึ่งบรรดาซุปเปอร์สตาร์เหล่านี้ ก็ได้สวมใส่ Mercurial Vapor VIII สีส้มเจิดจรัส สร้างผลงานให้กับสโมสรต้นสังกัดตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ไนกี้เปิดตัว
รองเท้าไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับบทความ "แกะกล่อง" หรือ "Hand On!" ในวันนี้ ผมจะขอพาทุกท่านมาร่วมแกะกล่อง "สีส้ม"
กล่องรองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์ของไนกี้ เพิ่มยลโฉม Mercurial Vapor VIII สีส้มอมชมพูสะท้อนแสง
ที่มีรหัสเฉดสีอย่างเป็นทางการว่า Bright Mango/Metallic Dark Grey/Challenge Red หรือจะขอเรียก
สั้นๆ ว่า "Bright Mango" ซึ่งเป็นเฉดสีเปิดตัวของจรวดทางเรียบโฉมล่าสุดนี่เอง โดยรองเท้าสีแสบตา
มื่อเปิดฝากล่องขึ้น ก็จะพบกับเจ้า Mercurial Vapor VIII "Bright Mango" นอนตะแคงสลับหัวท้าย
อยู่อย่างแน่นิ่ง แต่เฉดสีของมันนั้นช่างโดดเด่น น่าดึงดูดให้เข้าไปทักทายเสียเหลือเกิน และถ้ามองถัดลงไป
จะเห็นว่าไนกี้ ยังคงแถม "ถุงใส่รองเท้า" มาให้แบบไม่มีตกหล่น โดยถุงใส่รองเท้าที่ให้มานี้จะเป็นผ้าใบ และ
มีสายเชือกให้สามารถสะพายบ่า พาเจ้าจรวดทางเรียบคู่นี้เดินทางไปยังสนามแข่งขัน เป็นถุงแบบเดิมที่คุ้นกัน
เป็นอย่างดี เฉดสีของถุงที่แถมมา สีพื้นจะตรงกันข้ามกับสีของตัวรองเท้า
***หมายเหตุ*** รองเท้าที่ถูกนำเสนอในบทความนี้ จะมีทั้งคู่ที่เป็น Sample ซึ่งทางไนกี้ได้ส่งมอบมา
ให้ได้ถ่ายภาพเอาไว้ก่อน (ภาพส่วนใหญ่) กับรองเท้าตัว Production จริงๆ ที่ถูกส่งมาให้สวมใส่ทดสอบได้
ที่ผมจะถ่ายแค่ภาพบางมุมมาสมทบกัน ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจนะครับ บางภาพ ที่หุ้มส้นรองเท้าจะมีเขียน
คำว่า Sample แต่บางภาพจะไม่มี
รองเท้าฟุตบอลไนกี้ Mercurial Vapor VIII "คือรองเท้าฟุตบอลที่มีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่ไนกี้
เคยผลิตออกมา" ผมกล้าพูดประโยคนี้ได้อย่างเต็มปาก โดยไม่ต้องไปเข้ากูเกิ้ล หาข้อมูล หรือโทรศัพท์
เคยผลิตออกมา" ผมกล้าพูดประโยคนี้ได้อย่างเต็มปาก โดยไม่ต้องไปเข้ากูเกิ้ล หาข้อมูล หรือโทรศัพท์
สายตรงไปถามที่บริษัทไนกี้ หรือแม้แต่คลิกเข้าไปที่เว็บไซด์ของตัวเองแล้วตั้งกระทู้ถามบรรดากูรูทั้งหลาย
เพราะเพียงแค่หยิบเอารองเท้าฟุตบอลสีส้ม "มะม่วง" คู่นี้ขึ้นมาวางไว้บนมือ ก็รู้สึกได้ทันทีถึงน้ำหนักที่เบา
มากๆ เบากว่า Mercurial Vapor SuperFly ทั้ง 3 เจเนอเรชั่นที่ไนกี้เคยผลิตออกมาอย่างชัดเจน โดย
พิกัดน้ำหนักมาตรฐานของรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้จะอยู่ที่ 187 กรัม/ข้าง เท่านั้น
นอกเหนือจากน้ำหนักตัวที่เบาสุดๆ สัมผัสในเรื่องของรูปทรงรองเท้าก็แตกต่างออกไป คร่าวๆ ก็คือ
ผมสามารถรู้สึกได้ถึงรูปทรงที่เรียวยาวกว่าเดิม จะว่าไปแล้ว รูปทรงแบบนี้เหมือนจะคล้ายคลึงกับไนกี้
Mercurial Vapor II และ Mercurial Vapor III ซึ่งถือเป็นเจเนอเรชั่นที่มีรูปทรงเรียวยาวมากที่สุด
(และยังเป็นเจเนอเรชั่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกด้วย) ส่วนดันทรงกระดาษอัดที่ไนกี้ใส่ไว้ด้านใน
เพื่อดันไม่ให้รองเท้าเสียทรง นั้นเป็นดันทรงรองเท้าที่ยาวมากๆ ยาวกว่าดันทรงกระดาษของรองเท้า
ฟุตบอลไนกี้ทุกซีรี่ย์ เมื่อเทียบกับรองเท้าที่มีขนาดไซด์เดียวกัน
หนังสังเคราะห์เทจิน ไมโครไฟเบอร์ (Tejin microfiber) แทบจะเป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัวของรองเท้า
ฟุตบอลรุ่นนี้ไปแล้ว เพราะหนังสังเคราะห์แบบพิเศษของไนกี้ ได้ถูกเลือกนำมาผลิตเป็นหน้าผ้าและวัสดุหลัก
ของรองเท้าฟุตบอลสีส้มมะม่วงคู่นี้เช่นเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างไปอย่างมากก็คือ หนังสังเคราะห์เทจินฯ ของ
Mercurial Vapor VIII นั้นมีชั้นหนังที่บางกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ทำให้ลักษณะของตัวรองเท้ามีความนิ่ม
ขึ้นอย่างชัดเจน เวลาที่สวมใส่เท้าเข้าไปในรองเท้า หนังของรองเท้าจะเข้ารูปกับเท้าของผู้สวมใส่ได้แนบสนิท
ยิ่งขึ้น
ผิวสัมผัสของหนังก็แตกต่างออกไป จากผิวสัมผัสของเจเนอเรชั่นที่แล้ว ที่จะรู้สึกเหมือนหน้าผ้าจะมี
เส้นใยลื่นๆ หนังเงาๆ แต่ผิวสัมผัสของ Mercurial Vapor VIII จะเป็นอารมณ์ที่แตกต่าง ผิวสัมผัสของ
หน้าผ้าจะฝืดๆ ไม่มีการเคลือบผิวให้เงางาม ลักษณะจะออกแนวด้านๆ ดิบๆ
หน้าผ้าจะฝืดๆ ไม่มีการเคลือบผิวให้เงางาม ลักษณะจะออกแนวด้านๆ ดิบๆ
ลักษณะข้างเท้าด้านในของ Mercurial Vapor VIII จะโค้งเว้าอย่างเห็นได้ชัด โดยตราสัญลักษณ์
เครื่องหมายทางการค้าของไนกี้ ขนาดใหญ่ ถูกลากยาวตั้งแต่บริเวณเกือบจะด้านหน้าของรองเท้า
ไล่ยาวมาจนสุดส้นเท้า ยิ่งทำให้ทรงของรองเท้าดูเรียวยาว โดยตราไนกี้จะถูกปั๊มติดทับลงไปบนตัว
รองเท้าอีกชั้นหนึ่ง ลักษณะของวัสดุจะฝืดๆ หนึบๆ เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ในการสัมผัสกับลูกฟุตบอล
ได้ไม่มากก็น้อย
แนวร้อยเชือกแบบตรงกลางหลังเท้า จะเป็นแบบไม่มีอุปกรณ์ปกปิดเชือก และเชือกมาตรฐานที่ติดตัว
รองเท้ามาจากแหล่งผลิต ก็จะเป็นเชือกเส้นหนาและแบน เนื้อผ้านิ่มกว่าเชือกรองเท้าซีรี่ย์อื่นๆ ของไนกี้
พอสมควร และจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ลักษณะความลาดเอียงของหลังเท้า
จะลาดเอียงไม่มาก ยิ่งเสริม
ให้รูปทรงของรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้แลดูยาวขึ้น
หุ้มส้นด้านในของรองเท้าฟุตบอลสายพันธุ์จรวดคู่นี้ ยังคงเป็นหน้าผ้าแบบหนังสังเคราะห์ มีฟองน้ำ
บุเอาไว้ด้านใน หุ้มส้นจะพองตัว จึงให้สัมผัสที่นุ่มและกระชับกับข้อเท้าของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี แต่
หุ้มส้นส่วนล่างนั้นจะไม่มีการบุฟองน้ำไว้ด้านในเหมือนกับส่วนบน ทำให้มีสัมผัสที่แข็งกว่า เพราะส้นเท้า
ของผู้สวมใส่ จะไปชนกับเกราะป้องกันส้นเท้าและเอ็นร้อยหวายแบบภายใน (Internal Heel Counter)
ที่ถูกออกแบบให้ฝังตัวเข้ารูปกับส้นของรองเท้านั่นเอง
ไนกี้ยังคงเลือกใช้แผ่นรองพื้นรองเท้าแบบเดิม ผลิตจากโฟม EVA ที่ขึ้นรูปออกมาเป็นแผ่นบางๆ
ตามสไตล์ของรองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์นี้เป๊ะเลย มีการเจาะรูทั่วทั้งแผ่นรองพื้น มีจุดประสงค์เพื่อลดน้ำหนัก
ของรองเท้า ไม่มีเทคโนโลยีเสริมการรับแรงกระแทกจำพวกวัสดุ Poron แบบที่ไนกี้ใช้กับแผ่นรองพื้น
รองเท้าระดับท็อปในซีรี่ย์อื่นๆ ผิวหน้าสัมผัสของแผ่นรองพื้นชุดนี้ ก็เป็นผิวหน้าแบบผ้าไนล่อน ไม่มี
การเคลือบผิวให้เหนียวหนึบ เพื่อสร้างแรงเสียดทานกับฝ่าเท้าแต่อย่างใด
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกิดขึ้นกับ Mercurial Vapor VIII ก็คือชุดพื้นและลักษณะแนววางปุ่ม FG
ที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด หลังจากที่แนววางปุ่มแบบเก่าถูกใช้มาตั้งแต่ Mercurial Vapor VI และเหมือนว่า
จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร สำหรับลักษณะชุดพื้นแบบใหม่นี้ จะเป็นการผสมผสานระหว่างวัสดุประเภท
ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) ถูกขึ้นรูปเป็นพื้นชั้นแรกสุดที่ติดกับตัวรองเท้า แต่ที่เพิ่มเข้ามา ก็คือวัสดุประเภท
คาร์บอนไฟเบอร์ (Carbonfiber) ที่ถูกเอาเข้ามาเสริมเป็นชุดพื้นชั้นที่สอง ตั้งแต่บริเวณกลางฝ่าเท้าไปจนถึง
ด้านท้ายสุดของรองเท้า จากภาพจะเห็นเป็นพื้นที่สีเทาเข้ม ซึ่งถูกขึ้นรูปทับลงไปบนชุดพื้นชั้นแรกอีกชั้นหนึ่ง
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะตลอดแนวของชุดพื้นทั้งหมด ยังมีการขึ้นรูปพลาสติก TPU เสริมทับลงไปชั้นบนสุด
ตามแนวที่ต้องรับแรงกระแทกและแรงบิดตอนที่รองเท้าถูกใช้งาน เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความทนทานแข็งแรง
ลักษณะแนววางปุ่มแบบ FG นั้นก็ได้ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด จำนวนปุ่มรองเท้าที่น้อยลง กับวัสดุที่
ยืดหยุ่นและอ่อนตัว โอนเอนไปตามจังหวะการเคลื่อนที่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการยึดเกาะที่
ยืดหยุ่นและอ่อนตัว โอนเอนไปตามจังหวะการเคลื่อนที่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการยึดเกาะที่
แม่นยำ การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเต็มสปีด จึงสามารถทำได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ จุดเด่นสำคัญ
อยู่ที่ปุ่มแนวขวางตรงกลางฝ่าเท้า ที่จะช่วยสปรินซ์ถีบตัวให้พุ่งไปด้านหน้าได้ดีขึ้น แนววางปุ่มทรงโค้ง
ตรงหัวรองเท้า จะทำงานร่วมกับ
Toe-off Traction Spikes ลักษณะชุดพื้นแบบฟันปลา ในการยึดเกาะ
กับพื้นสนาม ส่วนแนวปุ่มด้านข้างอีก 3 ปุ่มที่เหลือ จะช่วยบังคับทิศทางการเคลื่อนที่ให้แม่นยำที่สุด
ปุ่มด้านหลังของ Mercurial Vapor VIII เป็นสิ่งที่ถูกกล่าวขาล และเรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุด เพราะ
รองเท้าปุ่ม FG คู่นี้ มีปุ่มคู่หลังเพียงแค่ 2 ปุ่มเท่านั้น !! ท่านไม่ได้อ่านผิดครับ นี่เป็นปุ่มแบบ FG จริงๆ
ไม่ใช่ SG แน่นอน ดังนั้น รองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้จึงเป็นรองเท้าประเภท FG ที่มีจำนวนปุ่ม นับรวมกันได้น้อย
ที่สุดในโลก ถ้าผมตาไม่ฝาด หรือนับ 1 ถึง 10 ได้อย่างถูกต้อง ก็จะนับจำนวนปุ่มรวมกันทั้งหมดได้เพียงแค่
8 ปุ่มเท่านั้น นี่..มากกว่าจำนวนปุ่มรวมของปุ่ม SG เพียงแค่ 2 ปุ่มเท่านั้นเองนะ !!
ประสิทธิภาพและความทนทานของปุ่ม FG แบบใหม่นี้ ไนกี้ค่อนข้างมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มความสามารถใน
การยึดเกาะกับพื้นสนามได้ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน และการครอบชั้นพลาสติก TPU ที่ถูกฉีดขึ้นรูปครอบปุ่ม
ทุกปุ่ม ในแบบที่หนามาก แต่กลับมีความยืดหยุ่นจนน่าแปลกใจ จะช่วยการันตีได้ถึงความแข็งแรงทนทาน
ของปุ่มรองเท้าทั้ง 8 ปุ่ม ได้เป็นอย่างดี
ถ้าถามผมว่า ได้ทดสอบการใช้งานของรองเท้าฟุตบอลสายพันธุ์จรวดทางเรียบ ไนกี้ Mercurial Vapor VIII
ไปบ้างแล้วหรือยัง ก็จะขอตอบว่า ผมได้ลองใช้งานในสนามแข่งขันจริงๆ ไปบ้างแล้ว แต่คงยังตอบคำถาม
หรือวิพากษ์วิจารณ์ข้อดีข้อด้อยอะไรไม่ได้ และต้องขอใช้เวลาทำความรู้จักกับรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้อีกสักพัก
ก่อนที่จะมาเขียนบทความรีวิวทดสอบการใช้งานจริงต่อไป แต่อยากจะบอกว่า... ณ ตอนนี้ เวลานี้ ถ้าใคร
ไม่อยากตกเทรนด์ ก็คงต้องรีบไปหาซื้อจับจองมาเป็นเจ้าของ เป็นอาวุธคู่กายในยามลงสนามกันตั้งแต่เนิ่นๆ
ได้แล้ว เพราะกระแสของรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้ ร้อนแรงเสียยิ่งกว่าสีส้มอมชมพูสุดแสบตาของมันเสียอีก
ขณะที่ท่านกำลังอ่านบทความ "Hand On!" นี้อยู่ ไนกี้ได้วางจำหน่าย Mercurial Vapor VIII
บนชั้นขายรองเท้า ในราคา 7,600 บาท ไปเรียบร้อยแล้ว โดยวางจำหน่ายที่ร้านไนกี้ ชั้น 1
สยามเซ็นเตอร์, ไนกี้ คอร์เนอร์ ชั้น 3 สยาม พารากอน , ชั้น 3 ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัลเวิลด์,
เอฟ.บี.ที. สปอร์ตคอมเพล็กซ์ ,ร้าน อาริ คอนเซปสโตร์ และร้านนกแก้ว โดยท่านสามารถหา
รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ nikefootball.in.th หรือfacebook.com/nikefootballth
บนชั้นขายรองเท้า ในราคา 7,600 บาท ไปเรียบร้อยแล้ว โดยวางจำหน่ายที่ร้านไนกี้ ชั้น 1
สยามเซ็นเตอร์, ไนกี้ คอร์เนอร์ ชั้น 3 สยาม พารากอน , ชั้น 3 ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัลเวิลด์,
เอฟ.บี.ที. สปอร์ตคอมเพล็กซ์ ,ร้าน อาริ คอนเซปสโตร์ และร้านนกแก้ว โดยท่านสามารถหา
รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ nikefootball.in.th หรือfacebook.com/nikefootballth
ขอขอบคุณ เว็บ siamboots.com ที่สนับสนุนรูปและบทความ
โคตรชั่ว ก็อปปี้คนอื่นมาทั้งบล็อก
ตอบลบโคตรเหี้ย มึงมันเหี้ยกว่าตัวเหี้ยที่ว่ายอยู่ในเขาดินอีก
ตอบลบมันยังก็อปใครไม่เป็น ไม่เหมือนมึง ฮ่าๆๆ
นี่คือเว็บที่มึงไปก็อปมา กูมาบอกให้คนอื่นได้รู้
http://www.siamboots.com/main.html