มาอย่างต่อเนื่องทีเดียว สำหรับเซ็ตรองเท้าฟุตบอลจากไนกี้ ต้อนรับซีซั่นของปี 2012
รองเท้าฟุตบอลสายพันธุ์เก่งรอบด้าน ไนกี้ CTR 360 ในเจเนอเรชั่นที่ 2 ถือเป็นรองเท้าฟุตบอลที่ได้
รับความนิยมมากที่สุดตลอดปี 2011 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่ากระแสตอบรับจากผู้ใช้งานร้อนแรงตั้งแต่ช่วงที่
เปิดตัวตอนต้นปี 2011 ต่อเนื่องยาวจนข้ามปีมาถึงปี 2012 ที่ไนกี้เปิดตัวคอลเลคชั่นแรกของปีนี้ด้วย
เฉดสีใหม่ล่าสุด ที่มีรหัสสีอย่างเป็นทางการว่า " Loyal Blue/White/Bright Blue/Total Orange" หรือ
ก่อนหน้านี้ เฉดสีทั้งหมดที่ไนกี้ผลิตออกมาจำหน่ายจะเป็นเฉดสีทูโทนมาโดยตลอด
ก่อนที่เราจะไปยลโฉมรองเท้าฟุตบอลคู่นี้ ผมต้องขอขอบพระคุณบริษัท ไนกี้ (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับเฉดสี
"รอยัล บลู" ถือเป็นเฉดสีที่ 8 อย่างเป็นทางการของเจเนอเรชั่นนี้ และเป็นเฉดสีที่ 2 ที่จะ
ไม่มีการผลิตรองเท้าระดับสุดยอดอย่างรุ่น Elite ออกมาจำหน่าย
รองเท้าฟุตบอลรุ่นไนกี้ CTR 360 Maestri II ยังคงมาในกล่องรองเท้าสีส้มสุดแสบตา ถือเป็นเอกลักษณ์
ของผลิตภัณฑ์จากไนกี้ไปแล้ว และเมื่อเปิดฝากล่องขึ้นมา จะพบกับรองเท้าฟุตบอลเก่งรอบด้านในเฉดสี
น้ำเงิน
"รอยัล บลู" สุดงดงามนอนตะแคงรออยู่ในกล่อง ที่มาพร้อมกับป้ายราคา 6,500 บาท และป้าย
Kanga-Lite ซึ่งระบุข้อมูลถึงหนังสังเคราะห์แบบพิเศษของไนกี้ที่ใช้กับรองเท้าฟุตบอลคู่นี้
และที่ใต้ฝากล่อง
จะมีการแผ่นข้อมูลที่ระบุถึงเทคโนโลยีที่โดดเด่นของรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้เอาไว้อย่างชัดเจน สามารถเลือก
อ่านได้ถึง 3 ภาษาตามความถนัดของแต่ละท่านกันเลย
และแน่นอนว่ารองเท้าฟุตบอลระดับท็อปของไนกี้ทุกรุ่นทุกซีรี่ย์ จะต้องมีถุงเป้สำหรับใส่รองเท้าที่มีดีไซน์
และเฉดสีเฉพาะตัว เพื่อให้เข้ากับรองเท้าฟุตบอลที่ท่านเลือกซื้อมาใช้ และ CTR 360 Maestri II "รอยัล
บลู" คู่นี้ก็เช่นกัน ที่ท่านจะได้ถุงเป้ใส่รองเท้าในเฉดสีน้ำเงินเข้ม-ม่วง โดยที่ตรงกลางของถุงเป้นั้น
บลู" คู่นี้ก็เช่นกัน ที่ท่านจะได้ถุงเป้ใส่รองเท้าในเฉดสีน้ำเงินเข้ม-ม่วง โดยที่ตรงกลางของถุงเป้นั้น
จะมีการสกรีนว่า "CTR 360" และ "Nike Football" คนละด้านกันด้วยสีส้มสุดโดดเด่น และด้านในของ
กระเป๋าจะมีช่องซิปสำหรับให้ใส่ของเล็กๆ น้อยๆ ได้อีกด้วย
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วลักษณะเฉดสีของเจ้า CTR 360 Maestri II "รอยัล
บลู" จะมีการลงเฉดสี
แบบทูโทน โดยส่วนหน้านั้นจะออกเป็นสีน้ำเงิน-ม่วง และด้านหลังจะเป็นสีน้ำเงินเมทัลลิค แต่ด้วยความ
กลมกลืนและลงตัวของเฉดสีทั้งสองก็พอจะอนุโลมให้มองออกเป็นการใช้สีแบบสีล้วนสีเดียวทั้งคู่ โดยที่
เฉดสีหลักของตัวรองเท้านั้นจะไม่ใช่เฉดสีที่ช่วยสร้างโดดเด่น เพราะเมื่อเทียบกับตราสัญลักษณ์ของไนกี้
ขนาดเล็ก "สีส้มสะท้อนแสง" ที่อยู่บริเวณหัวรองเท้า ซึ่งตัดกับสีน้ำเงิน-ม่วง สีหลักของตัวรองเท้า จึง
ทำให้เกิดความโดดเด่นบาดตาเสียเหลือเกิน ถือเป็นจุดที่ช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับรองเท้าฟุตบอล
คู่นี้ในยามที่อยู่ในสนามฟุตบอลได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ตราสัญลักษณ์ไนกี้บริเวณข้างเท้าด้านนอกนั้น
จะเป็นตราขนาดใหญ่สีขาว มีลักษณะเป็นวัสดุจำพวกยาง มีการเคลือบผิวให้เงางามและโดดเด่น
วัสดุหนังสังเคราะห์ที่มีชื่อเรียกว่า "แคงกาไลท์" (Kanga-Lite Leahter) เอกสิทธิ์เฉพาะของไนกี้
ถูกนำมาใช้ผลิตเป็นหน้าผ้าและตัวรองเท้าทั้งหมดให้กับรองเท้าฟุตบอลคู่นี้ ผิวหน้าของหนังจะมีลวดลาย
เฉพาะตัว สรรพคุณของหนังสังเคราะห์แคงกาไลท์ก็คือ เป็นสังเคราะห์ที่มีความหนานุ่ม และทนทาน
เทียบเท่ากับหนังสัตว์แท้ (หนังจิงโจ้) แต่มีความได้เปรียบในเรื่องของความกระชับที่ดีกว่า ที่สำคัญ
ยังสามารถออกแบบเฉดสีได้ง่ายกว่าอีกด้วย จึงไม่แปลกที่เราได้เห็น CTR 360 Maestri II ในเฉดสี
"รอยัล
บลู" เช่นนี้ และไม่จำเป็นต้องใช้แนวด้ายเย็บบนหน้าผ้ามากมายเหมือนกับพวกรองเท้าหนังแท้
หากลองสัมผัสหน้าผ้าและตัวรองเท้า จะสามารถรู้สึกได้ถูกความหนาและหนักแน่นของรองเท้าคู่นี้ได้
อย่างชัดเจน
อุปกรณ์ลูกเล่นชิ้นแรกที่จะขอนำเสนอ มีชื่อเรียกว่า "Damping Pads" เป็นพื้นที่รูปร่างสามเหลี่ยม
สองตอน มีพื้นผิวที่นูนขึ้นมาจากตัวรองเท้า มีลักษณะแข็งกว่าหน้าผ้าส่วนอื่นๆ และที่มีผิวหน้าเป็น
ลวดลายสามเหลี่ยม ทำหน้าที่ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสัมผัสกับลูกฟุตบอล โดยเฉพาะ
การส่งบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก ความแข็งของอุปกรณ์ชิ้นนี้จะช่วยส่งผ่านแรง ให้ลูกฟุตบอลนั้น
ถูกส่งออกไปยังเพื่อนร่วมทีมของคุณได้อย่างมีน้ำหนักและแม่นยำมากขึ้นดั่งที่ใจต้องการ
ลักษณะของแนวร้อยเชือกรองเท้าที่เป็นแบบเบ้เข้า ได้รับการออกแบบให้แนวร้อยเชือกรองเท้า
นั้นช่วยเพิ่มพื้นที่ในการสัมผัสบอลของข้างเท้าด้านใน ซึ่งเป็นแนวคิวหลักของรองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์
นี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม เชือกรองเท้าแบบมาตรฐานที่ติดตัวมาจากสายการผลิต จะเป็นเชือกรองเท้าสี
น้ำเงิน ซึ่งหากสังเกตดีๆ จะพบเป็นมีโทนสีอยู่ตรงกึ่งกล่างระหว่างโทนสีน้ำเงิน-ม่วง และสีน้ำเงิน
ของพื้นที่ส่วนหน้าและส่วนหลังของรองเท้าตามลำดับ
อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ถือเป็นจุดขายอันดับต้นๆ ของรองเท้าฟุตบอลคู่นี้ ก็คือแถบยางที่มีชื่อเรียกว่า
"แถบยางรับบอล" (Receive Pad) เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการสัมผัสกับลูกฟุตบอล
ใช้งานได้ทั้งการรับบอลที่ถูกส่งมาด้วยความแรง ให้นิ่งและติดกับเท้าของเรา ทำให้ง่ายต่อการควบคุม
และเล่นในจังหวะถัดไป รวมถึงการควบคุมทิศทางของลูกฟุตบอลที่ถูกส่งออกไปจากเท้าของเรา ให้มี
น้ำหนักและง่ายต่อการควบคุม ที่สำคัญในรุ่นท็อปจะมี "ซี่ฟันยาง" (Swerve Pins) ในแนวด้านบน
อีกด้วย เพื่อประโยชน์ในการสัมผัสและปั่นโค้งให้กับลูกฟุตบอลนั่นเอง สำหรับ "แถบยางรับบอล"
(Receive Pad) ที่ท่านเห็นในภาพนั้น จะเป็นแถบยางบริเวณด้านหน้า มีพื้นที่ขนาดใหญ่ให้สามารถใช้
(Receive Pad) ที่ท่านเห็นในภาพนั้น จะเป็นแถบยางบริเวณด้านหน้า มีพื้นที่ขนาดใหญ่ให้สามารถใช้
งานได้ง่าย ที่สำคัญ...ไนกี้ CTR 360 Maestri II "รอยัล บลู" คู่นี้ เป็นเฉดสีแรกที่มีแถบยางรับบอล
เป็นเฉดสีที่เข้ากันกับเฉดสีหลักของตัวรองเท้า เพราะเฉดสีทั้งหมดก่อนหน้านี้จะมีแถบยางรับบอล
เป็นสีดำเพียงอย่างเดียว ซึ่งบางทีก็ดูสวยงามเข้ากันกับองค์ประกอบสีของรองเท้า แต่บางครั้งก็ไม่เข้าจนถึงขั้นออกแนวไม่สวยเลยเสียด้วยซ้ำ...
อุปกรณ์แถบยางอีกอันหนึ่งที่ถัดมาทางด้านหลังนั้นมีชื่อเรียกว่า "แถบยางส่งบอล" (Instep Pad)
จุดประสงค์หลักของอุปกรณ์ชิ้นนี้คือจะช่วยทำให้ทิศทางขอลูกฟุตบอลที่ถูกแปรส่งออกไปจากเท้านั้น
มีความแม่นนำและมีน้ำหนักมากขึ้น โดยเฉพาะผู้เล่นที่มีลักษณะการส่งบอลแบบ "กระทุ้ง" บอลด้วย
ข้างเท้าด้านในแบบเน้นๆ จะได้รับประโยชน์ของลูกเล่นชิ้นนี้ไปเต็มๆ โดยวัสดุที่ใช้นั้นจะเป็นพื้นยาง
ที่มีหน้าตัดเรียบ และมีความหนามากกว่าแถบยางรับบอลเล็กน้อย โดยระหว่าง "แถบยางรับบอล"
กับ
"แถบยางส่งบอล" จะมีโครงสร้างหน้ายางตามแนวยาวช่วยพยุงให้พื้นที่ข้างเท้าด้านในของ
รองเท้าคู่นี้มีความแข็งแรงและมีลักษณะแข็งตัว เพื่อให้การใช้งานอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ นั้น
เป็นไปได้อย่างแม่นยำและมั่นใจได้เป็นอย่างดี
แถบสีเงินตอนท้ายของรองเท้านั้นถูกออกแบบให้สามารถสะท้อนแสงได้ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว
อาจจะไม่สามารถใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการสัมผัสกับลูกฟุตบอลได้ แต่ก็มีโอกาสที่จะช่วยให้เพื่อนร่วมทีม
สามารถสังเกตเห็นคุณได้จากแถบสะท้อนแสงนี้ก่อนสิ่งอื่นใด แน่นอนว่าโอกาสที่คุณจะได้รับการส่งบอล
จากเพื่อนร่วมทีมก็จะมีมากขึ้นนั่นเอง
ในส่วนของเกราะกันกระแทกและป้องกันเอ็นร้อยหวายของ CTR 360 Maestri II จะเป็นเกราะป้องกัน
แบบภายใน (Internal Heel Counter) ออกแบบให้มีเข้ารูปและกลมกลืนกับส้นรองเท้า และมีพื้นผิวที่ถูก
เจาะรูเพื่อช่วยในการระบายอากาศ และจากรูปด้านบนจะเห็นได้ถึงความเงางามของเฉดสีน้ำเงินเมทัลลิค
ซึ่งเป็นเฉดสีส่วนหลังของไนกี้ CTR 360 Maestri II "รอยัล บลู" คู่นี้ได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ
หุ้มส้นผิวหน้าแบบหนังกำมะหยี่ จะช่วยสร้างความกระชับกับข้อเท้าของผู้ส่วมใส่ได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญก็คือหุ้มส้นแบบนี้จะไม่กัดข้อเท้าของผู้ส่วมใส่อย่างแน่นอน
ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถหา
ได้จากรุ่นอื่นๆ หุ้มส้นด้านในตลอดจึงถึงตัวรองเท้าบริเวณนี้ จะมีความหนาเป็นอย่างมากเทียบกับ
รองเท้ารุ่นอื่นๆ มีข้อดีในเรื่องของการสร้างความกระชับและการป้องกันจากการปะทะ สามารถล็อก
ข้อเท้าของผู้ส่วมใส่ได้อย่างแน่นหนา
ในขณะที่แผ่นรองพื้นด้านในซึ่งผลิตจาก EVA foam ซึ่งเป็นวัสดุประเภทโฟมที่ช่วยในการรองรับ
แรงกระแทกจากการเคลื่อนที่ได้เป็นอย่างดี โดยผิวหน้าของแผ่นรองพื้นจะมีการเคลือบผิวลักษณะ
เป็นผิวยาง และมีลวดลายสามเหลี่ยมตามธีมของเจเนอเรชั่นนี้ ซึ่งมีพื้นผิวที่นูนขึ้นมาเพื่อสร้างแรง
เสียดทานให้ยึดเกาะกับเท้าของผู้เล่นได้ดี ไม่ให้เกิดอาการลื่นไถลเพื่อเท้าของผู้ส่วมใส่เปียกเหงื่อ
โดยที่ด้านใต้ของแผ่นรองพื้นนี้ จะมีการเสริมวัสดุ Poron แบบแยก 2 ส่วน คือส่วนส้นเท้าและฝ่าเท้า
นวัตกรรมทางวัสดุอันเลื่องชื่อของไนกี้
ที่สามารถช่วยรองรับและผ่อนแรงกระแทกจากการเคลื่อนที่
ได้เป็นอย่างดี ทำให้ทุกการเคลื่อนที่นั้นมีความนุ่มนวลและแม่นยำ ยิ่งสร้างความมั่นใจในการใช้งาน
ชุดพื้นและปุ่มแบบ FG ที่มีลักษณะแนววางปุ่มเฉพาะตัวของรองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์นี้ โดยชุดพื้นจะเป็น
แบบชิ้นเดียวกันทั้งหมด ผลิตจากพลาสติก TPU มีความแข็งแรงทนทาน ที่สำคัญคือจะมีการครอบชั้น
พลาสติกใสที่ผิวหน้าอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ดูหรูหราน่าสัมผัส ปุ่มแบบ FG มีขนาดไม่ใหญ่มาก ความยาวปุ่ม
กำลังพอดี ฐานปุ่มอาจจะแคบไปหน่อย แต่ด้วยจำนวนปุ่มที่มากถึง 16 ปุ่ม กระจายตัวกันเต็มพื้นที่
จึงช่วยทำหน้าที่กระจายแรงได้เป็นอย่างดี ทำให้ชุดพื้นและปุ่มของรองเท้ารุ่นนี้สามารถใช้งานได้อย่าง
สบายเท้า โดยเฉพาะแนววางปุ่ม "วงกลม" ตรงกลางฝ่าเท้า มีสรรพคุณช่วยให้การกระจายแรงเกิดขึ้น
ได้อย่างรอบด้าน สามารถเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลายปุ่มทุกปุ่มของรองเท้า
คู่นี้จะมีการครอบด้วยพลาสติก
TPU ใส อีกชั้นหนึ่งเพื่อความคงทนแข็งแรงและสวยงาม ยกเว้นปุ่มคู่หลัง
ที่จะครอบชั้นด้วยพลาสติกสีส้มโดดเด่นกว่าปุ่มคู่อื่นๆ เป็นอย่างมาก แต่สำหรับลวดลายกราฟฟิกด้านใต้
ชุดพื้นตรงบริเวณฝ่าเท้าของ
CTR 360 Maestri II เฉดสี "รอยัล บลู" นั้นจะไม่โดดเด่นมากนัก เพราะ
โทนสีค่อนข้างกลมกลืนกัน แต่ลวดลายตรงส้นเท้านั้นจะโดดเด่นกว่ามาก เพราะถูกลงสีด้วยสีส้มซึ่งตัด
กับสีน้ำเงิน-ม่วงซึ่งเป็นสีพื้นอย่างชัดเจน
แม้ว่าเมื่อตอนที่รองเท้าสายพันธุ์เก่งรอบด้านจากไนกี้ CTR 360 Maestri II ถูกเปิดตัวไปตอนต้นปี 2011
ผมจะเคยได้ทำรีวิวทดสอบการใช้งานรองเท้าฟุตบอลรุ่นนี้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าถามว่า...แล้วครั้งนี้จะมี
รีวิวการทดสอบการใช้งาน
CTR 360 Maestri II "รอยัล บลู" อีกหรือเปล่า !?!? "มีครับ" แม้ในภาพรวม
รายละเอียดทางเทคนิคและการใช้งานนั้นจะไม่แตกต่างกันเลย แต่ผมคิดว่าผมอยากจะเขียนรีวิวทดสอบ
การใช้งานจริง โดยอัพเดทให้เป็นข้อมูลล่าสุด เพื่อประโยชน์ของผู้อ่านทุกท่าน และเชื่อว่ายังหลงเหลือ
อีกหลายท่านที่ยังไม่ได้อ่านบทความรีวิวทดสอบการใช้งานในครั้งนั้น พร้อมเสริมเติมแต่งรายละเอียดต่างๆ
ให้มันครบถ้วนสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ดังนั้นทุกท่านสามารถติดต่อรออ่านได้ที่นี่ในเร็วๆ นี้...แน่นอน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเฉดสีใหม่ต้อนรับปี 2012 ของรองเท้าฟุตบอลไนกี้ CTR 360 Maestri II
ที่มีรหัสเรียกสั้นๆ ว่า "รอยัล บลู" อ้อ..แล้วต้องไม่ลืมนะครับว่ารองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์นี้ได้รับการ
โหวตเข้าป้ายเป็นรองอันดับหนึ่ง "รองเท้าฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี 2011" จากชาว SiamBoots
อีกด้วย ดังนั้นถ้าท่านใดสนใจที่จะลงสนามบัญชาเกมและควบคุมทุกสถานการณ์ในสนามแข่ง
ด้วย CTR 360 Maestri II "รอยัล บลู" คู่นี้ ตอนนี้ได้เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่วันที่
9 มกราคม 2555 ในราคา 6,500 บาท โดยวางจำหน่ายที่ร้านไนกี้ ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ , ไนกี้
คอร์เนอร์ ชั้น 3 สยาม พารากอน , ชั้น 3 ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัลเวิลด์, เอฟ.บี.ที. สปอร์ตคอม
เพล็กซ์ และร้านนกแก้ว สามารถหารายละเอียดเพิ่มได้ที่ nikefootball.in.th หรือ
facebook.com/nikefootballth
ที่มีรหัสเรียกสั้นๆ ว่า "รอยัล บลู" อ้อ..แล้วต้องไม่ลืมนะครับว่ารองเท้าฟุตบอลซีรี่ย์นี้ได้รับการ
โหวตเข้าป้ายเป็นรองอันดับหนึ่ง "รองเท้าฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี 2011" จากชาว SiamBoots
อีกด้วย ดังนั้นถ้าท่านใดสนใจที่จะลงสนามบัญชาเกมและควบคุมทุกสถานการณ์ในสนามแข่ง
ด้วย CTR 360 Maestri II "รอยัล บลู" คู่นี้ ตอนนี้ได้เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่วันที่
9 มกราคม 2555 ในราคา 6,500 บาท โดยวางจำหน่ายที่ร้านไนกี้ ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ , ไนกี้
คอร์เนอร์ ชั้น 3 สยาม พารากอน , ชั้น 3 ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัลเวิลด์, เอฟ.บี.ที. สปอร์ตคอม
เพล็กซ์ และร้านนกแก้ว สามารถหารายละเอียดเพิ่มได้ที่ nikefootball.in.th หรือ
facebook.com/nikefootballth
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น